- การประเภท (Type System):
- JavaScript: เป็นภาษาโปรแกรมที่ไม่มีระบบประเภทแบบนัยถึงชนิดข้อมูล (dynamic typing) ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องระบุประเภทของตัวแปรเมื่อประกาศ และตัวแปรสามารถมีประเภทข้อมูลที่แตกต่างกันได้ในระหว่างการรันโปรแกรม.
- TypeScript: เป็นภาษาโปรแกรมที่มีระบบประเภทแบบนัยถึงชนิดข้อมูล (static typing) ซึ่งหมายความว่าคุณต้องระบุประเภทของตัวแปรเมื่อประกาศและตัวแปรจะต้องเป็นประเภทเดียวกับที่กำหนดไว้ นี่เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบข้อผิดพลาดแบบสตาติกในระหว่างการพัฒนา.
- การคอมไพล์:
- JavaScript: เป็นภาษาที่ถูกคอมไพล์และรันโดยตรงในเบราว์เซอร์ ไม่มีขั้นตอนคอมไพล์ก่อนใช้งาน.
- TypeScript: เป็นภาษาที่ต้องถูกคอมไพล์ก่อนถึงจะเป็น JavaScript และนำไปรันในเบราว์เซอร์ การคอมไพล์ TypeScript จะทำให้มีการตรวจสอบข้อผิดพลาดแบบสตาติกและร่วมทีมทำงานง่ายขึ้น.
- การตรวจสอบประเภท (Type Checking):
- JavaScript: ไม่มีตัวตรวจสอบประเภทแบบสตาติก และข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะปรากฎในระหว่างรันเวลา.
- TypeScript: มีตัวตรวจสอบประเภทแบบสตาติกที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดก่อนรัน ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดในเวลารันและช่วยให้เข้าใจโค้ดได้ง่ายขึ้น.
- การเขียนโค้ด:
- JavaScript: เป็นภาษาที่มีไวยากรณ์ที่เข้าใจง่ายและมีจำนวนมาตรฐานของคลาสและรูปแบบที่น้อย.
- TypeScript: ไวยากรณ์ของ TypeScript คล้ายกับ JavaScript แต่มีการเพิ่มประเภทข้อมูลและคลาสที่ช่วยให้สร้างโค้ดที่มีโครงสร้างและประเภทที่ชัดเจนขึ้น.
- การรองรับ ES6+:
- JavaScript: รองรับรูปแบบและคุณลักษณะของ JavaScript ES6 และรุ่นที่ใหม่กว่า.
- TypeScript: TypeScript ยังรองรับรูปแบบและคุณลักษณะของ JavaScript ES6 และมีความสามารถในการใช้ลักษณะของ TypeScript เพิ่มเติม.
- ประสิทธิภาพ:
- JavaScript: โค้ด JavaScript มีประสิทธิภาพในการรันและโดยรวมมีน้อยกว่าความซับซ้อนในกรณีที่ไม่ต้องการระบบประเภทแบบนัยถึงชนิดข้อมูล.
- TypeScript: การเพิ่มตัวตรวจสอบประเภทแบบสตาติกอาจทำให้มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นแต่จะช่วยปรับปรุงคุณภ